ในวันที่ 23 มีนาคม 2565 เมื่อเวลา 16.30 น. ณ ห้องแถลงข่าวของสนามชลบุรี สเตเดียม ทางด้านของฝ่ายจัดการแข่งขันของสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้จัดงานแถลงข่าวแจ้งความพร้อมของนักกีฬาทีมชาติไทยก่อนการแข่งขัน ฟุตบอลในนัดอุ่นเครื่อง ระหว่าง ทีมชาติไทย พบกับ ทีมชาติเนปาล ในวันที่ 24 มีนาคม 2565
ในการแถลงข่าวแจ้งถึงความพร้อมในการแข่งขันในครั้งนี้ ทางด้านของทีมชาติไทยนั้นได้ส่ง หัวหน้าผู้ฝึกสอนฟุตบอลชายทีมชาติไทย มาโน โพลกิ้ง และ กัปตันทีมชาติไทย ธีราทร บุญมาทัน เข้าร่วมในการแถลงข่าวครั้งนี้
ด้าน มาโน่ โพลกิ้ง หัวหน้าผู้ฝึกสอนกีฬาฟุตบอลทีมชาติไทย ได้กล่าวไว้ว่า ในการแข่งขันนัดอุ่นเครื่องในครั้งนี้ ถือได้ว่าเป็นเรื่องที่ดี ที่ทีมชาติไทยได้กลับมาจัดการแข่งขันในบ้านอีกครั้งเนื่องจากไม่ได้มีการจัดการแข่งขันในบ้านเป็นระยะเวลากว่า 3 ปีด้วยกัน ซึ่งโอกาสดี ๆ เช่นนี้เป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นมาก ๆ ที่นักกีฬาทีมชาติไทยจะได้กลับมาลงสนามเล่นต่อหน้าแฟนบอลของทีมชาติไทยอีกครั้ว ถึงแม้ว่าช่วงฟีฟ่าเดย์ จะเป็นช่วงเวลาที่นักกีฬาได้รวมตัวกันไม่นานนักนั้น และในครั้งนี้ก็ต้องขอบคุณทางด้านของชลบุรีด้วยที่ได้เป็นเจ้าภาพให้กับเกมการแข่งขันในนัดนี้ ส่วนทางด้านของนักกีฬาภายในทีมนั้น ในขณะนี้ก็พร้อมที่จะลงสนามเล่นกันแล้ว
หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย ยังได้กล่าวต่อไปว่า การที่ได้เลือกทีมชาติเนปาลเพื่อแข่งขันในนัดอุ่นเครื่องนั้น ก็เป็นเพราะว่านักกีฬาทีมชาติไทยนั้นได้เคยพบกันกับทีมชาติศรีลังกาและทีมชาติมัลดีฟส์มาก่อนแล้ว และยังได้เคยเอาชนะมาได้อีกด้วย อีกอย่างก็ได้เป็นทีมฟุตบอลจากฝั่งทวีปเอเชียใต้เหมือนกัน ดังนั้นในการลงสนามเล่นกับทีมชาติเนปาล จะสามารถช่วยทำให้นักกีฬาทีมชาติไทยได้รับรู้ถึงระดับการลงสนามเล่นของทีมที่เราจะต้องได้เจอทั้งสองทีมนี้ ซึ่งได้เป็นงานที่สำคัญมากๆ ของทีมชาติไทยเลยก็ว่าได้ ที่จะต้องคว้าชัยชนะทั้งทีมชาติศรีลังกา และทีมชาติมัลดีฟส์ มาให้ได้ เพื่อที่จะได้ผ่านเข้าไปในการแข่งขันรอบสุดท้ายในรายการ เอเชี่ยนคัพ ที่ประเทศจีน
ทางด้านของ เจ้าอุ้ม ธีราทร บุญมาทัน ในครั้งนี้ได้รับหน้าที่ให้ลงสนามแข่งขันในตำแหน่งกัปตันทีมชาติไทยในชุดนี้ ได้กล่าวไว้ว่า ตนเองนั้นดีใจที่ได้รับโอกาสเลือกให้เป็นกัปตันทีม ซึ่งตนเองก็ได้หวังว่าทีมชาติไทยจะสามารถทำผลงานได้เป็นอย่างดีในการแข่งขันทั้งสองเกม สำหรับนักกีฬาหน้าใหม่ที่ได้เข้ามาในครั้งนี้ ก็ได้เห็นว่ามีความมุ่งมั่นและได้มีความพยายามที่จะแสดงศักยภาพของตัวเองออกมา ซึ่งก็ถือได้ว่าเป็นเรื่องดีสำหรับนักกีฬาทุกคน และตนเองก็ได้หวังว่าจะได้แสดงศักยภาพของตัวเองในเกมการแข่งขันนัดอุ่นเครื่องครั้งนี้เช่นกัน เพื่อที่จะได้มีโอกาสที่ติดทีมชาติในการแข่งขันรอบคัดเลือก และได้เป็นตัวเลือกให้กับทางทีมชาติไทยในโอกาสต่อไป
สำหรับโปรแกรมการแข่งขันนัดอุ่นเครื่องของทีมชาติไทยจะมี จำนวน 2 นัด ดังนี้
- วันที่ 24 มีนาคม 2565 เวลา 00 น. ที่ สนามชลบุรี สเตเดียม
ทีมชาติไทย พบ ทีมชาติเนปาล (ทีมอันดับที่ 167 ของโลกในฟีฟ่า แรงกิ้ง)
- วันที่ 27 มีนาคม 2565 เวลา 00 น. ที่ สนามบีจี สเตเดียม
ทีมชาติไทย พบ ทีมชาติ ซูรินาม (ทีมอันดับที่ 140 ของโลกในฟีฟ่า แรงกิ้ง)
แฟนบอลชาวไทยสามารถรับชมการถ่ายทอดสดได้ทางช่อง ไทยรัฐทีวี และช่อง AIS Play โดยเกมการแข่งขันในนัดอุ่นเครื่องดังกล่าวข้างต้น ได้มีการรับรองจากสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ FIFA ในระดับ ‘A’ Match เป็นที่เรียบร้อยแล้วและได้มีการนำผลการแข่งขันมาคำนวณรวมคะแนนในฟีฟ่า แรงกิ้ง อีกด้วย
นอกจากนี้ ในการแข่งขันฟุตบอลนัดอุ่นเครื่องในรายการดังกล่าวข้างต้น ยังได้จัดภายใต้ของมาตรการการป้องกันการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยได้อนุญาตให้ มีผู้ชมสามารถเข้าชมภายในสนามได้เพียง 50 เปอร์เซ็นต์ ของความจุภายในสนามเท่านั้น และได้อนุญาตให้ผู้สื่อข่าวได้เข้าร่วมในการทำงานข่าวในครั้งนี้ได้ทั้งหมดเพียง 60 ท่าน
ในการแข่งขันฟุตบอลในนัดอุ่นเครื่อง ระหว่าง ทีมชาติไทย พบกับ ทีมชาติเนปาล สามารถที่จะหาซื้อตั๋วเข้าชมกันได้ที่ ไทยทิคเก็ตเมเจอร์ ทุกสาขา ซึ่งราคาตั๋วเข้าชม มีดังนี้
- ราคา 650 บาท (สำหรับแฟนบอลทีมชาติเนปาล) เข้าชมได้ใน AWAY ZONE : โซน X (Torch stand)
- ราคา 500 บาท เข้าชมได้ในโซน A, B, C, D, E, F, G, H, I, J, M, N (Main stand)
- ราคา 350 บาท เข้าชมได้ในโซน O, P, Q, R, S, T (Pool stand)
- ราคา 100 บาท เข้าชมได้ใน โซน Y (Scoreboard)