“ราชันชุดขาว” เรอัล มาดริด เปิดบ้านพลิกนรกกลับแซงชนะ ทีมเมืองน้ำหอม ปารีส แซงต์ แชร์กแมง แบบสุดดราม่า ด้วยสกอร์รวม 2 นัด ผ่านเข้าไปสู่รอบ 8 ทีมสุดท้าย ในศึกฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ได้สำเร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
การแข่งขันศึกฟุตบอลยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2021-22 รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดที่สอง เมื่อคืนวันพุธที่ 9 มีนาคม ที่ผ่านมา คู่ที่น่าสนใจ เป็นเกมบิ๊กแมตซ์ ระกว่าง “ราชันชุดขาว” เรอัล มาดริด เปิดสนามซานติอาโก เบร์นาเบว รับการมาเยือนของ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง โดยในเกมแรกนั้น ทางด้านทีมเยือน ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ยอดทีมจากลีกเอิง ฝรั่งเศส เปิดรังพาร์ค เดอ แพรงส์ เอาชนะ “ราชันชุดขาว” เรอัล มาดริด มาได้ก่อนแล้ว ด้วยสกอร์ 1-0
ในนัดนี้ “คาริม เบนเซม่า” ได้โชว์ฟอร์มสุดเทพ ระเบิดฟอร์ม ได้อย่างร้อนแรง เหมาแฮตทริกช่วยให้ “ราชันชุดขาว” รีล มาดริด เปิดบ้านเอาชนะ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง 3-1 รวมผลสองนัด ชนะ 3-2 ตบเท้าผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลยูฟ่า แชมเปียส์ลีก ได้สำเร็จ
คาร์โล อันเชล็อตติด กุนซือเจ้าบ้าน เป็นงานยากซึ่งต้องชนะด้วยผลต่างห่างเกินถึง 2 ประตูขึ้นไปเท่านั้น ถึงจะพลิกกลับเข้ารอบไปได้ โดยในครั้งนี้ ได้เลือกจัดทัพมาในระบบ 4-3-3 ใช้สามแนวรุกสามประสาน เป็น มาร์โก อเซนซิโอ , คาริม เบนเซมา และ วินิซิอุส จูเนียร์
ส่วนทางด้าน เปแอสเช ทีมเยือน ของเมาริซิโอ โปเช็ตติโน ที่มีสกอร์ตุนไว้แล้ว 1 ลูก กุมความได้เปรียบจากเปิดบ้านชนะมาได้ก่อนในนัดแรก ได้วางเกมมาในแผน 4-3-3 เช่นเดียวกันกับเจ้าบ้าน โดยใช้สามแนวรุก เป็น ลิโอเนล เมสซี,คิลิยัน เอ็มบัปเป้ และ เนย์มาร์ หวังปิดสกอร์ให้ขาดเพื่อเข้ารอบต่อไป
“เปแอสเช” ออกสตาร์ทครึ่งแรกได้ดี เป็นฝั่งที่ได้ประตูขึ้นนำไปก่อน ในนาทีที่ 39 จากจังหวะที่ เนย์มาร์ นั้นได้จ่ายบอลสวนกลับเร็วไปให้ คีลิยันเอ็มบัปเป้ แล้วใช้ความเร็วลากหลุดหนีไปยิงด้วยขวาอย่างเด็ดขาด ส่งให้ทีมเยือนบุกนำ 1-0 รวมสองนัดนำห่างเป็น 2-0 ทำให้ทีมเยือนมีโอกาสเข้ารอบต่อไปมากยิ่งขึ้น และจบ 45 นาทีแรกไปด้วยสกอร์นี้
กลับมาเล่นต่อในครึ่งหลัง “ราชันชุดขาว” เจ้าถิ่นยังไม่ยอม ได้เดินหน้าโหมบุกอย่างหนักเพื่อหวังจะทวงประตูคืนให้ได้โดยเร็ว และในที่สุดประตูแรกก็มาประสบความสำเร็จในนาทีที่ 61 จากความผิดพลาดของ จานลุยจิ ดอนนารุมมา ซึ่งโดนทางด้าน คาริม เบนเซม่า หัวหอกตัวเก่ง เข้ามาบีบกดดันจนเตะบอลไปผิดพลาดไปเข้าทาง วินิซิอุส จูเนียร์ ได้จับบอลแล้วถวายพานให้ คาริม เบนเซม่า โฉบมาแปด้วยขาวแบบจ่อๆ ตุงตาข่าย ทำให้สกอร์ขยับมาเท่ากันที่ 1-1 (ทำให้ผลรวมสองเจ้าบ้านยังตามหลังอยู่ที่สกอร์รวม 1-2 )
ต่อมาถึงนาทีที่ 76 “ราชันชุดขาว” รีล มาดริด บุกลุยต่อและมาได้ประตูดขึ้นนำเป็น 2-1 จากจังหวะที่ ลูกา โมดริช ไหลจ่ายทะลุช่องเข้าไปในเขตโทษให้ คาริม เบนเซม่า ที่หลุดกับดักล้ำหน้า ก่อนยิงก้วยขวาแล้วบอลไปแฉลบบล็อกของ มาร์ควินญอส บอลเปลี่ยนทางหนีมือ จิอันลุยจิ ดอนนารุมม่า เข้าไป เป็นลูกที่สองของ เบนเซม่าในเกมนี้อีกด้วย (รวมสองนัดสกอร์กลายมาเป็นเสมอกันที่ 2-2 แล้วด้วย) ซึ่งโอกาสเข้ารอบของทั้ง2ทีม มีเท่ากันแล้ว
แต่ไม่น่าเชื่อถัดจากประตูที่ 2 เพียงแค่ไม่กี่นาที แฟนๆ เจ้าถิ่นได้ส่งเสียงเฮสนั่นดังอย่างต่อเนื่อง เมื่อถึงนาทีที่ 78 “ราชันชุดขาว” เรอัล มาดริด มาบวกลูกสามเพิ่มได้ จากความผิดพลาดของ มาร์ควินญอส ซึ่งดันเตะสกัดบอลไปเข้าทาง คาริม เบนเซม่า ไม่ปล่อยโอกาสให้หลุดลอยไป ได้ฉวยโอกาสวิ่งโฉมมายิงแบบจิ้มหัวเกือกด้วยขวาอย่างเฉียบคม เข้าเสาสองของประตูไป นายทวารทีมเยือนหมดสิทธิ์เซฟ ทำให้สกอร์หนีห่างเป็น 3-1 และยังเป็นแฮตทริกของเจ้าตัวไปในเกมนี้อีกด้วย (รวมสองนัดกลายมาเป็นขึ้นแซงนำ ด้วยสกอร์ 3-2 แล้วด้วย) ซึ่งถ้าจบด้วยสกอร์นี้ เรอัล มาดริด จะเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายทันที
สุดท้ายช่วงเวลาที่เหลือทั้งสองทีมไม่มีใครทำอะไรกันได้ ทำให้จบเกมการแข่งขัน 90 นาที เรอัล มาดริด เปิดบ้านเอาชนะ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง 3-1 (รวมผลสองนัด “ราชันชุดขาว” ชนะ 3-2) ผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้าย ได้สำเร็จ โดยจะมีการจับสลากประกบคู่วันที่ 18 มีนาคมนี้
ส่วนผลอีกคู่เป็นเกมของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จ่าฝูง ทำฝลงานสุดฝืด เปิดสนาม เอติฮัด สเตเดี้ยม ทำได้แค่เสมอ สปอร์ติง ลิสบอน จากโปรตุเกส ไปแบบไร้สกอร์ 0-0 (รวมผลสองนัด “เรือใบสีฟ้า” ผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้าย ด้วยสกอร์รวม 5-0)
รายชื่อ 11 ตัวจริงของทั้งสองทีม
รีล มาดริด : คาริม เบนเซม่า , วินิซิอุส จูเนียร์ , มาร์โก อเซนซิโอ , ลูกา โมดริช , เฟเดริโก บัลเบร์เด , โทนี โครส , นาโช เฟร์นันเดซ , ดาวิด อลาบา , เอแดร์ มิลิเตา , ดานี คาร์บาฆัล , ธิโบต์ กูร์ตัวส์ (GK),
ปารีส แซงต์ แชร์กแมง : คีเลียน เอ็มบัปเป้ , ลิโอเนล เมสซี , เนย์มาร์ , ดานิโล เปเรยร่า , เลอันโดร ปาเรเดส , มาร์โก แวร์รัตติ , นูโน่ เมนเดส , เพรสเนล คิมเพมเบ , มาร์ควินญอส , อาชราฟ ฮาคิมี , จิอันลุยจิ ดอนนารุมม่า (GK) ,